ควรเลือกประกันสุขภาพแบบไหนดี

โรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบันมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แล้วยิ่งการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่าย เมื่อโรคเยอะขึ้น แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการรักษาก็สูงขึ้นตามมาด้วย และถ้าหากป่วยหนึ่งครั้งนั่นเท่ากับว่าต้องใช้เงินส่วนตัวในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล จะดีกว่าไหมถ้ามีการทำประกันสุขภาพไว้เป็นแผนสำรองในการช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้ชีวิตและช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาหลังจากเจ็บป่วย และในปัจจุบันประกันสุขภาพมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมาก วันนี้จะมาไขข้อข้อใจเกี่ยวกับประกันสุขภาพ ว่าควรจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับตนเอง

ประกันสุขภาพคืออะไร

ประกันสุขภาพคือ รูปแบบประกันภัยที่มีการชดเชยค่าใช้จายในกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งประกันสุขภาพสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ประกันสุขภาพแบบเดี่ยวและประกันสุขภาพแบบกลุ่ม

ข้อดีของประกันสุขภาพประกันสุขภาพ

เรื่องของสุขภาพไม่มีอะไรแน่นอน การมีประกันสุขภาพถือว่าจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในยามที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ทางบริษัทจะชดเชยให้ตามกรมธรรม์ที่สมัคร โดยที่ผู้ทำประกันไม่ต้องใช้เงินส่วนตัวออกเลย อีกทั้งประกันสุขภาพจะช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพราะสวัสดิการบางอย่างถือว่าไม่เพียงพอต่อการรักษา รวมถึงคุ้มครองในด้านของการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและโรคร้ายแรง ซึ่งถือว่าเป็นทางออกในด้านสุขภาพที่ดี

ประกันสุขภาพคุ้มครองอะไรบ้าง

ความคุ้มครองของค่ารักษาพยาบาล จะได้รับผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาล แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้

1. การชดเชยสำหรับผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพักและค่าอาหาร ค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายารักษาโรค ค่ารถพยาบาลและอุปกรณ์อื่นๆ และค่าบริการห้องผ่าตัดต่างๆ เป็นต้น

2. การชดเชยสำหรับผู้ป่วยภายนอกโรงพยาบาล จะชดเชยในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ และสามารถรักษาโดยไม่ใช้เวลานานหรือไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์แบบเฉพาะโรค เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง ไข้หวัด ท้องเสีย ตาแดง เป็นต้น

3. การชดเชยอื่น ๆ ได้แก่ การคุ้มครองการคลอดบุตร การดูแลโดยพยาบาลพิเศษ การรักษาด้านทันตกรรม และการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูง

เลือกประกันสุขภาพแบบไหนดี

อย่างที่ทราบกันดีว่ารูปแบบของประกันสุขภาพมีค่อนข้างหลากหลาย เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการ เป็นต้องมีการพิจารณาทั้งในเรื่องความคุ้มครองและทุนประกัน ดังนี้

1. เลือกจากความคุ้มครอง

• ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD)

  คุ้มครองในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 ชั่วโมงขึ้นไป รวมถึงการที่โรงพยาบาลรับตัวผู้ป่วยไว้แต่เสียชีวิตก่อน 6 ชั่วโมงด้วยเช่นกัน โดยประกันสุขภาพผู้ป่วยในจะคุ้มครองหลายด้าน เช่น ค่าแพทย์ ค่าห้องผ่าตัด ค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงพยาบาล และค่า X-ray ประกันรูปแบบนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงหรือโรคที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นที่ค่อนข้างยาวนาน นอกจากนี้ในการทำประกันควรเลือกแบบเหมาจ่าย เนื่องจากมีเงื่อนไขน้อยและมีการกำหนดวงเงินเหมาจ่ายต่อปี

• ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD)

  คุ้มครองในกรณีเข้ารับการรักษาแต่ไม่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนมากมักเป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่รุนแรง โดยจะคุ้มครองในส่วนของค่าใช้จ่าย เช่น ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าบริการทางการแพทย์ และการฉีดวัคซีน เป็นต้น

• ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง

  คุ้มครองในกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคที่รุนแรง เช่น กลุ่มโรคมะเร็งและเนื้องอก กลุ่มโรคเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท กลุ่มโรคหัวใจ ระบบหลอดเลือด เป็นต้น โดยแผนประกันนี้จะให้การคุ้มครองกลุ่มโรคร้ายแรง เนื่องจากใช้การรักษาที่ค่อนข้างเฉพาะทางและมีความซับซ้อน ใช้เวลาในการรักษานาน อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงมาก ประกันแผนนี้จะคุ้มครองและมอบเงินชดเชยให้เป็นเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคที่ระบุไว้ในสัญญา

• ประกันอุบัติเหตุ (PA)

  ประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุในหลายกรณีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยหรืออุบัติเหตุใหญ่ อีกทั้งการเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพโดยสิ้นเชิง ซึ่งประกันรูปแบบนี้จะเป็นการซื้อเพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยบริษัทประกันจะชดเชยในด้านของค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทนหากเกิดการสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต

• ประกันชดเชยรายได้

  คุ้มครองรายได้ระหว่างการเจ็บป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยบริษัทจะชดเชยเงินรายวันตามที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ โดยเงินชดเชยส่วนนี้จะเป็นเงินที่ชดเชยรายได้เท่านั้น จะไม่ครอบคลุมในส่วนของค่ารักษา ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่จะขาดรายได้หากต้องหยุดงาน

2. เลือกจากทุนประกัน

ไม่ว่าจะประกันสุขภาพรูปแบบไหนควรพิจารณาจากทุนประกันที่เหมาะสม ซึ่งสามารถเลือกเอาความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ควรนำมาพิจารณาร่วมกับทุนประกันที่ด้วย

3. เลือกจากเบี้ยที่จ่ายไหว

เบี้ยประกันถือเป็นปัจจัยหลักในการเลือกทำประกัน อย่างเช่นในกรณีที่ยังทำประกันตั้งแต่อายุน้อย และไม่มีประวัติเกี่ยวกับโรคร้ายแรง จึงทำให้ได้แผนประกันที่มีความคุ้มครองครบถ้วน แถมยังจ่ายเบี้ยประกันไม่สูงอีกด้วย นอกจากนี้ ถ้าค่าเบี้ยเต็มสูงเกินไป อาจจะพิจารณาเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมความคุ้มครองส่วนแรก เพื่อที่จะได้จ่ายเบี้ยประกันในราคาที่ถูกลง ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีสวัสดิการประกันจากบริษัทที่ทำงานอยู่แล้ว และอยากได้ความคุ้มครองเพิ่มเติม

แนะนำแผนประกันสุขภาพจากดีชัวรันส์

หลายท่านคงอยากทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความคุ้มครองให้ตรงใจมากที่สุด ขอแนะนำประกันสุขภาพ DIY
จากดีชัวรันส์ ประกันสุขภาพคุ้มครองสูงที่สามารถเลือกเองได้ ให้ได้แผนประกันสุขภาพที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และเลือกความคุ้มครองได้ครบ จบทุกความต้องการ สมัครง่ายๆ เพียงแค่ 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. เลือกความคุ้มครองหลัก ซึ่งจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อโรค

2. เลือกแผนความคุ้มครองเสริม โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 รูปแบบ
- ผู้ป่วยนอก คุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยนอกในยามที่เจ็บป่วยแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สูงสุดถึง 30 วันต่อปี
- ผู้ป่วยนอกและการดูแลสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยนอกในยามที่เจ็บป่วยแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล สูงสุดถึง 30 วันต่อปี และคุ้มครองการดูแลสุขภาพ ที่คุ้มครองการฉีดวัคซีน การตรวจสุขภาพ การทำฟัน และค่ารักษาสายตา

3. เลือกความรับผิดส่วนแรก เพื่อลดค่าเบี้ยประกันภัยได้ ลดสูงสุดถึง 85%

แผนประกันสุขภาพในแต่ละแผนถือว่ามีจุดเด่นด้านความคุ้มครองแตกต่างกันไป บางแผนอาจจะไม่ได้ครอบคลุมตามความต้องการ ทั้งนี้หากต้องการที่จะทำประกันควรพิจารณาจากความต้องการ ไลฟ์สไตล์ กำลังจ่ายเบี้ยประกัน หรืออื่นๆ นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบแผนประกันให้หลากหลายแผน เพื่อจะได้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองอย่างครอบคลุมที่สุด

โปรโมชั่นประกันสุขภาพ DIY จากดีชัวรันส์

อย่าให้เงินที่เก็บมา หมดไปกับค่ารักษา ให้ประกันสุขภาพจ่ายแทน รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อประกันสุขภาพที่ดีชัวรันส์ด้วยโค้ด Healthy หรือ ผ่อน 0% ตามเงื่อนไขงวดผ่อนชำระขั้นต่ำ สูงสุด 10 เดือน ขั้นต่ำ ค่าเบี้ย 5,000 บาท สำหรับบัตรเครดิตธนาคาร SCB, KBANK, BBL, UOB

ตั่งแต่ 1 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2566