นำเสนอขายโดย บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด

รวมพิกัด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น สวยจนห้ามพลาด

รวมพิกัด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น สวยจนห้ามพลาด

21 พฤศจิกายน 2566

ถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวคือมาเป็นอันดับหนึ่งเลย แล้วยิ่งเป็นประเทศที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปีและทุกฤดูกาล ซึ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นเป็นช่วงที่สวยและนิยมไปเที่ยวมากที่สุด ด้วยบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติ และอากาศที่ดี บริสุทธิ์ นั่นจึงเป็นเสน่ห์ของฤดูใบไม้ร่วงของประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ในแต่ละเมืองก็มีช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีที่แตกต่างกัน วันนี้จะมาอัปเดตแลนด์มาร์กสุดฮิต สำหรับเยี่ยมชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นที่ดีที่สุด พร้อมช่วงเวลาแนะนำของแต่ละสถานที่ เพื่อให้ทุกท่านวางแผนและเตรียมตัวล่วงหน้า และได้ทริปที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ปกติแล้วฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นจะเริ่มต้นทางเหนือจนถึงใต้ (ซัปโปโรไปจนถึงฟุกุโอกะ) ซึ่งในปีนี้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเป็นช่วงเวลาที่แนะนำในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนธันวาคม

ทั้งนี้เป็นข้อมูลพยากรณ์เท่านั้น วันเวลาอาจจะตรงกับช่วงปกติเหมือนทุกปีหรืออาจช้ากว่าปกติทั่วประเทศ เนื่องจากอุณหภูมิที่คาดว่าน่าจะสูงขึ้น

พิกัด จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

1. อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) – จ.ฮอกไกโด

เป็นอุทยานขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโด ที่ได้ถูกขนานนามว่าเป็นอุทยานแห่งเทพเจ้า เพราะที่นี่ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสวยงาม สลับกับต้นไม้สูง วิวที่เห็นตรงหน้าคืออลังการมาก ซึ่งเทือกเขาที่เห็นก็จะเป็นเทือกเขาอะซาฮิดาเกะ (Asahidake) ที่มีความสูงกว่า 2,290 เมตร ที่สำคัญ ถ้าใครมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้ จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นก่อนใครและสามารถรับชมป่าทั่วภูเขาที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับสีเหลืองดูสวยงามมาก

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ปลายเดือนกันยายนจนถึงกลางเดือนตุลาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีฮาซาฮีคาว่าและนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขา หรือ นั่งรถไฟ JR Shimokinboku ลงที่สถานี Kamikawa แล้วขึ้นรถประจำทางฮอกไกโดสาย Sounkyo Kamikawa ลงที่ Sounkyo แล้วเดินต่ออีก 5 นาที

2. ย่านน้ำพุร้อนโจซังเค (Jozankei Onsen) – จ.ฮอกไกโด

ย่านน้ำพุร้อนโจซังเคเป็นแหล่งน้ำพุร้อนออนเซ็นที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก และตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติชิโกะสึ โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) ด้วยบรรยากาศที่แสนจะผ่อนคลาย และมาพร้อมกับทัศนียภาพที่สวยงาม ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ที่นี่จึงได้รับความนิยมจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไฮไลท์ของที่นี่จะมีออนเซ็นและที่พักมากมายคอยต้อนรับ และเมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แน่นอนว่าได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้สีสวยสดใสอย่างแน่นอน

  • ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : กลางเดือนไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ค่าเข้าชม : ตามกำหนดของแต่ละสถานที่
  • การเดินทาง : จากสถานีซัปโปโร นั่งรถ Jotetsu Bus หมายเลข 7 หรือ 8 มายังโจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen)

3. ทะเลสาบโทวาดะ (Lake Towada) – จ.อาโอโมริ และ จ.อาคิตะ

เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่อยู่ระหว่างจังหวัดอาโอโมริและอาคิตะ มีภูมิทัศน์และบรรยากาศที่สวยงาม ด้วยความงามของที่นี่จึงได้รับความนิยมมาก กิจกรรมหลักๆ ของที่นี่จะเพลิดเพลินกับการเดินเล่นรอบทะเลสาบตามจุดชมวิวที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ โดยไฮไลท์ของจุดชมวิวจะอยู่ที่จุดชมวิวโคงาคุได (Kogakudai) ซึ่งเป็นวิวที่สวยและรีวิวมากมาย รวมถึงนั่งเรือชมวิวริมทะเลสาบ ภูเขา และวิวใบไม้เปลี่ยนสีสุดโรแมนติก

  • ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 2023
  • การเดินทาง : จากสถานีโตเกียวไปยังสถานี Shin-Aomori (Tohoku Shinkansen ประมาณ 3 ชั่วโมง) จากสถานี Shin-Aomori ถึงป้ายรถประจำทาง Yasumiya (รถบัสประจำทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง)

4. น้ำตกเคงอน (Kegon waterfall) – จ.โตชิงิ

เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ด้วยความสูงที่ 97 เมตร และไหลมาจากทะเลสาบซูเซ็นจิ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสี วิวที่เห็นตรงหน้าจะเป็นต้นไม้ที่มีใบสีแดง สีส้ม และสีเหลืองสลับกับน้ำตกที่ตั้งสูงตระหง่าน นอกจากนี้ยังสามารถชมดอกกุหลาบพันปีที่หาชมยากได้ที่นี่ บรรยากาศดี วิวทิวทัศน์สวย อากาศบริสุทธิ์ แน่นอนว่าห้ามพลาด

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 8.00 - 17.00 น.
  • ค่าเข้าชม : เข้าชมบริเวณน้ำตกฟรี ชมวิวจากระเบียงสังเกตการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ 550 เยน / นักเรียนชั้นประถม 330 เยน / เด็กฟรี
  • การเดินทาง : รถไฟ Jr Nikko Line และลงที่สถานี Nikko จากนั้นนั่งรถบัส Tobu Bus ที่มุ่งหน้าไปยัง Chuzenji Onsen ลงป้าย Chuzenji Onsen

5. สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) – จ อิบารากิ

สวนดอกไม้ริมทะเลที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมการเปลี่ยนแปลงของสีใบไม้อันสวยงาม แน่นอนว่าแต่ละช่วงฤดูก็จะมีสีที่ไม่เหมือนกัน ด้วยความที่สวนดอกไม้ขนาดกว้างขวางถึง 1,250 ไร่ ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นทุ่งโคเชีย (Kochia) ที่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงไปทั่วทั้งบริเวณเนินเขามิฮาราชิ (Miharashi) ซึ่งเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยแปลกตาและมีเสน่ห์มาก อีกทั้งยังมีดอกคอสมอส (Cosmos) ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถชมทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ได้ รับรองว่าสวยไม่แพ้กัน

  • ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนพฤศจิกายน 2023
  • วันเวลาทำการ : 09.30-17.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล)
  • การเดินทาง : นั่งรถไฟ สาย Hitachinaka Kaihin Tetsudo ลงที่สถานี Ajigaura Station จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น, ใบไม้เปลี่ยนสี ญี่ปุ่น

6. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) – จ.โตเกียว

หนึ่งในสามทะเลสาบใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณภูเขาไฟฟูจิ โดยส่วนมากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในบริเวณนี้ มักมาชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ เมื่อเข้าสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ยิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยวิวทิวทัศน์ที่ได้จะเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ สะท้อนกับทะเลทะเลสาบ สลับกับใบไม้เปลี่ยนสีที่สีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำมากมาย เช่น เดินชมพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของฝากท้องถิ่น น้ำพุร้อน

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤศจิกายน 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • การเดินทาง : รถไฟสถานี JR ชินจูกุ มายังสถานี JR โอสึกิ และเปลี่ยนสายสถานีฟูจิคิวโค มุ่งหน้าสู่สถานีคาวากุจิโกะ หรือขึ้นรถบัสทางด่วนชินจูกุ มายังสถานีคาวากุจิโกะ

7. วัดโทฟุคุจิ (Tofuku-ji Temple)– จ.เกียวโต

เป็นวัดที่สำคัญและมีประวัติยาวนานของประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และยิ่งในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาก ด้วยความเงียบสงบพร้อมกับวิวต้นไม้เปลี่ยนสีสวยๆ นั่นทำให้ที่นี่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ซึ่งแลนด์มาร์กที่ต้องมาเช็ดอินคือ สะพานซุเทนเคียว (Tsutenkyo Bridge) จุดเด่นตรงนี้คือใบเมเปิ้ลจะปกคลุมสะพานยาวถึง 100 เมตร ถือว่าเป็นวิวที่สวยพร้อมกับบรรยากาศสุดชิลล์ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง ให้ได้อิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : 8:30 – 16:30 น. (ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี)
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 400 เยน และเด็กมัธยม 300 เยน
  • การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถไฟสาย JR Nara Line มาลงที่สถานี Tofukuji หรือ จากสถานี Gion-Shijo ให้นั่งรถไฟสาย Keihan Main Line มาลงที่สถานี Tofukuji

8. ปราสาทโอซาก้า (Osaka castle) – จ.โอซาก้า

หนึ่งในปราสาทที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ในปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้เปลี่ยนโฉมกลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว สิ่งที่ดึงดูดทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาคือกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และความสวยงามของวิวทิวทัศน์ แล้วยิ่งเข้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็คือสวยงามเป็นพิเศษ ใบไม้สีแดงสลับเหลือง ล้อมรอบปราสาทที่สร้างมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 16 ไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่รอบปราสาทโอซาก้า เต็มไปด้วยใบไม้หลากสีสันและต้นแปะก๊วยสีเหลืองโดดเด่น

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 09:00 – 17:00 น.
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เข้าชมฟรี
  • การเดินทาง : สามารถเลือกเดินทางได้ 3 เส้นทาง
    1. รถไฟ Osaka Loop Line ลงสถานี Osakajo Koen station
    2. รถไฟใต้ดิน Tanimachi Line ลงสถานี Tanimachi Yonchome
    3. รถไฟใต้ดิน Chuo Line ลงสถานี Tanimachi Yonchome

9. ยูบาระออนเซ็น (Yubara Onsen) – จ.โอกายาม่า

ตั้งอยู่ในย่านบ่อน้ำพุร้อนชื่อดัง “Sunayu” ที่นี่ถือได้ว่าเป็นที่อาบน้ำกลางแจ้งชั้นนำของจังหวัดโอกายาม่า นอกจากการแช่ออนเซ็นแล้ว ที่นี่ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็น่าสนใจไม่แพ้กันถึงแม้ว่าจำนวนใบไม้ที่เปลี่ยนสีมีไม่มากเท่าที่อื่น แต่ที่นี่ก็สัมผัสได้ถึงความโรแมนติก เรียกได้ว่าถือโอกาสมาเที่ยวแล้ว แถมยังได้พักผ่อนอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่มีที่พักรองรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของที่ระลึก ที่สำคัญห้ามพลาดกับบริการยืมอิโระยูคาตะ ยูคาตะ ฟรี! ใครที่ชื่นชอบการทำคอนเทนต์ห้ามพลาด

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เข้าชมฟรี
  • การเดินทาง : JR Shinkansen ลงที่สถานีโอคายามะ ต่อรถบัสชูเท็ตสึที่สถานีโอคายาม่า แล้วลงที่ยูบาระออนเซ็น และเดินอีก 5 นาที

10. วัดไรซัน เซ็นเนียวจิ ไดฮิโออิน (Raizan Sennyoji Daihioin Temple) – จ.ฟุกุโอกะ

เป็นอีกหนึ่งวัดที่สำคัญและเก่าแก่ มีประวัติในด้านศาสนามาอย่างยาวนาน ด้วยความเงียบสงบ และวัดมีความเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะมีพืชสวนและต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ โดยใบไม้จะเปลี่ยนเป็นเหลือง และสีแดง สร้างมุมมองที่งดงามและสะท้อนความสง่างามของธรรมชาติของบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้สามารถเดินชมรอบวัดและเพลิดเพลินกับวิวที่สวยงามของพืชพรรณธรรมชาติได้

  • ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี : ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2023
  • วันเวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน 9:00-16:30
  • ค่าเข้าชม : 400 เยน
  • การเดินทาง : เดิน 5 นาที จากป้ายรถบัส Raizan Kannon Mae, นั่งรถบัส Itoshima City Community Bus ที่มุ่งหน้าไปยัง Raizan Kannon Mae จากสถานี Chikuzen-Maebaru Station, JR Chikuhi Line 30 นาที

ช่วงพฤศจิกายนนี้ การท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นถือว่าได้รับกระแสตอบรับเป็นจำนวนมากจากคนไทย ด้วยความที่อากาศเย็น แถมยังได้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ อีกทั้งยังมีอาหารอร่อยๆ และที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้ชิม ช้อปกัน ซึ่งถ้าใครที่กำลังวางแผนเดินทาง ให้รีบวางแผนการเดินทางโดยทันที เพราะยิ่งจองล่วงหน้าในระยะเวลานาน จะได้ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พักในราคาที่ย่อมเยากว่าจองแบบกระชั้นชิด และไม่ลืมที่จะเตรียมสิ่งของหรือสัมภาระส่วนตัวให้พร้อม ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือประกันการเดินทาง วันนี้มีแผนประกันการเดินทางมานำเสนอให้กับทุกท่านที่ต้องการ ซื้อประกันการเดินทาง

ประกันการเดินทาง, ซื้อประกันการเดินทาง

ประกันการเดินทาง จาก ดีชัวรันส์ คุ้มครองครบ ไร้กังวล ทุกการเดินทาง อีกทั้งยังคุ้มครองทันที ตั้งแต่ก้าวแรก จนจบทริปอีกด้วย ซึ่งแพลทฟอร์มนี้ได้รวมเอาแผนประกันจากบริษัทประกันชั้นนำกว่า 14 บริษัท มาเปรียบเทียบภายใน 3 วินาที ให้ทุกท่านได้เปรียบเทียบความคุ้มครองที่ตรงใจและเบี้ยประกันที่คุ้มค่า โดยประกันการเดินทางจากดีชัวรันส์ เริ่มต้นเพียง 150 บาท และได้รับความคุ้มครองในกรณีการเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมถึงชดเชยค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5,000,000 บาท และคุ้มครองการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินสูงสุด 2,000,000 บาท นอกจากนี้ยังคุ้มครองสัมภาระและทรัพย์สินสูงสุด 60,000 บาท อีกด้วย

ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเดินทางท่องเที่ยวง่าย ไม่ไกลจากประเทศไทย แถมยังฟรีวีซ่าให้ชาวไทยอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ใครๆ ล้วนไปเช็กอินทั้งนั้น นอกเหนือจากการวางแผนเที่ยวแล้ว การทำประกันการเดินทางถือว่าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงและสำคัญกับทริปอย่างมาก เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน นั่นหมายความว่าประกันจะเข้ามาทำหน้าที่คุ้มครอง ชดเชย และดูแลในเวลายากลำบาก ซึ่งตอนนี้ประกันเดินทางก็ราคาดีมาก เริ่มต้นร้อยนิดๆ เท่านั้นเอง พิเศษ ซื้อประกันการเดินทางเดือนนี้ ลดพิเศษ 15% ซื้อไว้เลย สำหรับการวางแผน เที่ยวสิ้นปี หรือใครกำลังวางแผนไปเที่ยว ทริปสิ้นปี ได้ทั้งเอเชีย ยุโรป ที่สำคัญดีชัวรันส์ก็มีแผนประกันที่เหมาะสำหรับทำวีซ่าอีกด้วย

ที่เที่ยวต่างประเทศแนะนำ สำหรับวันหยุดยาว

เดือนแห่งเทศกาลเฉลิมฉลอง แถมยังพ่วงมาด้วยวันหยุด ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พักผ่อนของใครหลายคน ซึ่งแพลนของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน บางท่านอาจจะไม่ออกไปไหนเพื่อเติมพลังให้กับตนเอง...

ทำไมต้องมีประกันเดินทางติดตัวทุกทริป

ช่วงปีที่ผ่านมา ผู้คนได้มีการท่องเที่ยวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศหรือต่างประเทศเองก็เช่นกัน ทำให้การเดินทางเพิ่มขึ้นไปด้วย แน่นอนว่าการในเดินทางหนึ่งครั้งอาจจะพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้

ประกันที่ควรพกไว้ ในช่วงวันหยุดยาวนี้

ถึงช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ ทุกคนคงมีแผนเที่ยวกันแล้ว แน่นอนว่าในการเดินทางนั้นสิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญและระวัง คืออุบัติเหตุเพราะจากสถิติ ในช่วงวันหยุดยาว...

ติดต่อเรา

นำเสนอขายโดย บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด ใบอนุญาตนายหน้าประกันหมายเลข ว0007/2561